ชีวิตที่พอเพียง : ๑๒๔๐. ไปเรียนรู้อุดมศึกษาของสหรัฐอเมริกา (๖) มหาวิทยาลัยศิลปวิทยาศาสตร์


 
         เราไปเยี่ยมที่เดียวคือ Chapman University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน   ผมอยากรู้ว่าเขาแบ่งแยกการเรียกชื่อว่าเป็น College กับเป็น University อย่างไร   เพราะเห็นสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการเรียนการสอน Liberal Arts มักใช้ชื่อว่าเป็น College   ผมเข้าใจว่าเขาต้องการสื่อความเป็นสถาบันเล็ก ที่เอาใจใส่นักศึกษาอย่างจริงจัง

         LMU ที่เล่าในบันทึกที่แล้ว มีคณะที่จัดการเรียนการสอนแบบศิลปะวิทยาศาสตร์ด้วย

          เมื่อไปฟังการบรรยายสรุปที่ Chapman University ผมจึงรู้ว่าผมเข้าใจผิด  จริงๆ แล้ว Chapman University อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ LMU คือเป็น Masters Comprehensive University   โดยมีส่วนที่เป็น Liberal Arts Education เป็นแกน  แล้วขยายส่วนที่เป็น professional education เพื่อสนองความต้องการกำลังคนของสังคม  

          ส่วนที่เป็น professional education ก็กลายเป็นแรงดึงดูดนักศึกษา เข้ามาเรียนที่ Chapman University โดยสาขาที่เขาภูมิใจที่สุดดูจะเป็นสาขาผลิตภาพยนตร์   ที่เขาบอกว่าเขาเคยเป็นที่ ๔ รองจาก NYU, USC และ UCLA   แต่ตอนนี้เขาชนะ UCLA ขี้นมาเป็นที่ ๓

          อีกสาขาหนึ่งที่เขามีชื่อเสียงมากคือ Business & Economics
Chapman University กำลังฉลอง ๑๕๐ ปี   โดยตอนเริ่มก่อตั้งเป็นวิทยาลัยฝึกหัดครูและบาดหลวง   แล้วค่อยๆ พัฒนาขึ้นมาเป็นระยะๆ   และชื่อเสียงก้าวกระโดดเมื่อว่าจ้างนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล ชื่อ Bernin Smith มาเป็นอาจารย์ในปี คศ. ๒๐๐๒ ทำให้ Chapman University โดดเด่นขึ้นมาทันที่ด้าน Experimental Economics 

          นอกจากนั้นยังดึงเอานักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงมาอยู่ ทำให้สาขาวิทยาศาสตร์เด่นขึ้นมาทันตาเหมือนกัน   เวลานี้เขามี ๗ คณะ ได้แก่ Law, Film, Fine Arts, Communications, Business & Economics, Science, Music  

          ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยนี้อยู่ในเมืองเศรษฐีคือ Orange County  สถานที่กว้างขวาง และมีที่ดินสำหรับสร้างบ้านให้เช่า   แสดงฐานะของมหาวิทยาลัย

          ที่น่าสนใจคือมหาวิทยาลัยนี้รับ นศ. ตามความสามารถ   เมื่อรับแล้วจึงมาเจรจาเรื่องการเงินกัน  ว่าจะได้รับ scholarship มากน้อยแค่ไหน   คนที่เก่งมากจะได้รับ President Scholarship เป็นเงิน $ 25,000/ปี   ย่อมลงมาได้รับ Dean Scholarship $ 15,000/ปี

          สรุปอีกทีนะครับ ว่าชื่อเรื่องที่ตั้งไว้ผิด   Chapman University ไม่ใช่วิทยาลัยศิลปะวิทยาศาสตร์   แต่มีฐานของศิลปะวิทยาศาสตร์แข็ง   และผมเข้าใจว่าเป็นกระแสที่วิทยาลัยศิลปะวิทยาศาสตร์ต้องขยายให้มีส่วนการศึกษาวิชาชีพด้วย ตามกระแสความต้องการของสังคม   แต่นี่เป็นการเดานะครับ ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่  

          เอาเข้าจริง มาดูงานครั้งนี้ ไม่ได้เยี่ยมชมวิทยาลัยศิลปะวิทยาศาสตร์   แต่จากการคุยกับ อ. นวพร ผู้เคยเรียนในวิทยาลัยแบบนี้สมัยเรียน ป. ตรี   ผมจึงรู้ว่า Harvard และ Yale ในส่วน นศ. ป. ตรี เป็นการเรียนแบบศิลปะวิทยาศาสตร์   และในขณะเดียวกัน ก็มี professional schools เป็น graduate schools ต่างๆ ด้วย 

          เมื่อผมถาม อ. นวพร เรื่องการกลายพันธุ์ของ Liberal Arts College สู่ลูกผสมกับ Professional Schools  ท่านบอกว่ามีการกลายพันธุ์ แต่กลายคนละแบบ ยกตัวอย่าง Liberal Arts College ที่ท่านเคยเรียน   เวลานี้เกรดตกลงไป  เพราะดำเนินการเปลี่ยนแปลงผิดทาง   คือในสมัยก่อน Liberal Arts College แต่ละแห่ง รับ นศ. เพศหญิงหรือชายเพศเดียว   ต่อมาจำนวน นศ. ตก และคงจะประกอบกับแนวคิดในสังคมเปลี่ยนไป   หลายแห่งจึงเปิดรับทั้งสองเพศ   มีผลให้ LAC ชายได้ นศ. หญิงหัวดีไป  และ LAC หญิงได้ นศ. สมองระดับรอง ชื่อเสียงจึงยิ่งตก

          อ. นวพร ปรารภกับผมว่า ประเทศไทยกำลังดำเนินรอยอุดมศึกษาด้านศิลปะวิทยาศาสตร์แบบอเมริกัน   คือต้องการเน้นการศึกษาเพื่อความเป็นคนเต็มคน เป็นพลเมือง เป็นคนที่มีจิตอิสระ   ในขณะที่อเมริกันมีแนวโน้มหันมาเน้นวิชาชีพมากขึ้น คือหันมาเดินตามแนวทางที่ไทยทำมาตลอด

          ผมกลับมานั่งไตร่ตรองบนเครื่องบิน   คิดว่าน่าจะถูกต้องทั้ง ๒ แนวทาง   คือของอเมริกัน เขาวางพื้นฐานแน่นหนามากว่า ๒๐๐ ปี   จนฐานการเรียนรู้เพื่อความเป็นพลเมืองเข้าไปอยู่ในสายเลือด หรือ ดีเอ็นเอ   การเอาวิชาชีพเข้าไปเติมบนฐานที่แข็งอยู่แล้วจึงน่าจะถูกต้อง

          ของเรา เป็นอุดมศึกษาเพื่อการมีงานทำเป็นหลัก   การเติมการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นคนเต็มคน และเป็นคนมีสำนึกพลเมืองของท้องถิ่น ของประเทศ และของโลก ด้วย Liberal Arts Education จึงน่าจะถูกต้อง   โดยในยุค 21st Century   วิธีการเรียนรู้ต้องเน้นการใช้ PBL หรือ active learning เป็นหลัก   ไม่ใช่บรรยายในชั้นเรียนเป็นหลัก 

 

วิจารณ์ พานิช
๘ เม.ย. ๕๔

 

ทางเข้า Chapman University อันโอ่อ่า

 

 

นั่งคุยกันในบรรยากาศโปร่งสบาย แวดล้อมด้วยภาพวาด คนในภาพคืออธิการบดี ที่เดิมเป็นชาวอิตาลี

 

 

ที่จตุรัสกลางมหาวิทยาลัย ยาม นศ. จบเวลาเรียน

 

จตุรัสแห่งเสรีภาพ ที่เป็นแท่งปูนมีรอยสี คือชิ้นสวนจากกำแพงเบอร์ลิน

 

 

อาคารเก่าสมัยเริ่มก่อตั้ง ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ห้ามดัดแปลงโครงสร้างอาคารส่วนภายนอก

 

 

วิทยาลัยภาพยนตร์อยู่ห่างออกไปจาก main campus ประมาณ ๓๐๐ เมตร

 

หมายเลขบันทึก: 438266เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2011 10:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท